ความเชื่ออีกหนึ่งสิ่งที่ทุกคนส่วนใหญ่ก็เชื่อใจกันเป็นอย่างมากนั้นก็คือ การรับประทานไก่มากๆ จะทำให้เกิดเป็นโรคเกาต์
เรื่องกินไก่ ทำให้หลายๆ คนเวลาที่รับประทานไก่ก็จะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจกันสักเท่าไร ซึ่งก็จะต้องมานั่งกังวลกับโรคเกาต์กันนั่นเอง ซึ่งแน่นอน การป่วยเป็นโรคเกาต์นั้นสาเหตุหลักก็มาจากการรับประทานอาหารของคนเราที่ไม่มีการเลือกกินสิ่งที่มีประโยชน์ โดยมันก็ทำให้เกิดสภาวะการป่วยเป็นโรคเกาต์ก็ได้ ในขณะเดียวกันนี้ถ้าเรารู้จักและศึกษาการดูแลรักษาตัวเองไม่ให้เกิดเป็นโรคเกาต์นั่น ก็จะทำให้เวลาที่เรากินไก่ก็จะรู้สึกสบายใจกันเป็นอย่างมากอีกด้วย
โรคเกาต์
เป็นโรคที่เกิดจากภาวะกรดยูริคในเลือดสูงที่มีระยะเวลาในการสะสมอย่างยาวนานจนทำให้เกิดการตกตะกอนทำให้เกิดเป็นโรคข้ออักเสบต่างๆ โดยโรคดังกล่าวนั้นมันก็สามารถที่จะทำให้เราสามารถรักษาได้หายขาดได้อีกด้วย
แต่เราก็ควรที่จะต้องมีการดูแลรักษาร่างกายของเราเองให้ถูกต้องและมีความเหมาะสม โรคเกาต์นั้นในความเป็นจริงแล้วก็สามารถที่จะแบ่งออกได้เป็น 3 ระยะด้วยกัน คือ
1.ระยะข้ออักเสบเฉียบพลัน ตัวโรคมักจะเกิดที่ตามข้อมือ ข้อเท้าต่างๆ ซึ่งก็จะมีอาการบวมแดง ถ้าหากไม่มีการรักษาอาการบวมดังกล่าวก็จะหายไปเองได้
2.ระยะไม่มีอาการ เมื่อมีอาการข้ออักเสบหายดีแล้วผู้ป่วยก็จะไมมีอาการใดๆ เกิดขึ้น
3.ระยะเรื้อรัง ถือเป็นอาการที่มีมาอย่างต่อเนื่องเกิดขึ้นซ้ำๆ ซากๆ ติดต่อกัน บางคนนั้นก็อาจจะมีอาการลามและอาจจะแตกจนเห็นเป็นผงขาวนวลคล้ายช็อกก็ได้
จริงๆ แล้วาหารที่ทำให้มีกรดยูริคสูงนั้นไม่ใช่ไก่ที่เรากินอยู่ทุกวันนี้นะครับ ซึ่งมันก็มาจากพวก เหล้าเบียร์ชนิดต่างๆ เครื่องในสัตว์เช่น ตับ ไต สมอง อาหารทะเล อาหารที่มีไขมันสูงชนิดต่างๆ ได้แก่ ขนมเค้ก แป้ง น้ำตาลเป็นต้น
ซึ่งอาหารพวกนี้ถามว่ากินได้ไหม กินได้ แต่ควรที่จะบริโภคแค่พอดีก็พอแล้ว ถ้าเราป่วยเป็นโรคเกาต์แนวทางในการปฏิบัติตนเองนั้น ก็ควรที่จะต้องมีการพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นชนิดต่างๆ ไม่ควรที่จะเลือกซื้อยามารับประทานเอง
สรุป :
ควรที่จะต้องดูแลรักษาสุขภาพของเราให้มีความแข็งแรงอยู่ตลอดเวลาด้วย อาหารทุกชนิดเราก็สามารถที่จะรักษาได้อย่างปกติ แต่ถ้าหากเรามีข้ออักเสบมากๆ นั้น ก็ไม่ควรที่จะเลือกกินอาหารที่มีความเสี่ยงมากนัก ควรที่จะกินน้อยๆ ไม่ต้องกินเยอะ แต่ถ้าเราสามารถควบคุมระดับกรดยูริคได้นั้น เราก็จะสามารถที่จะกินอะไรก็ได้ทุกอย่างตามที่เราอยากจะกิน