โรคซึมเศร้า รู้ทัน เข้าใจ รักษาหายขาดได้

โรคซึมเศร้า

สามารถรักษาให้หายได้ ในการรักษาไม่จำเป็นต้องนอนพักที่โรงพยาบาล เว้นแต่ในบางคนที่มีความเสี่ยงสูง ที่จะต้องมีการสังเกตอาการอย่าง ภาวะซึมเศร้าในแต่ละคนจะมีวิธีการรักษาที่แตกต่างกันออกไป ต้องมีแนวทางในการรักษาที่เหมาะสมและบางราย อาจมีความจำเป็นต้องเลือกใช้หลากหลายวิธีในการรักษาเข้ามาร่วมกัน โรคซึมเศร้าถ้าหากได้รับการรักษา ผู้ป่วยจะมีอาการที่ดีขึ้นมาก อาการซึมเศร้าร้องไห้อยู่บ่อยๆ หรือรู้สึกท้อแท้หมดกำลังใจ ก็จะกลับมาดีขึ้น จนผู้ที่ป่วยบางรายที่หายแล้วนั้นก็จะรู้สึกว่าทำไมก่อนหน้านี้ถึงได้เศร้าขนาดนี้ได้

ในการรักษาถ้าหากเราสามารถรักษาได้เร็วมากขึ้นเท่าไร ก็จะทำให้อาการของเรานั้นกลับมาเป็นปกติได้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น การที่เราป่วยเป็นโรคซึมเศร้าแบบระยะเวลายาวนานมากนั้น ก็อาจจะทำให้การรักษาอาจจะยากขึ้น ในการรักษาโรคซึมเศร้าอย่างที่เราทราบกันดีนั้น ก็จะประกอบด้วยกัน 2 ส่วนดังต่อไปนี้

แนวทางการรักษาโรคซึมเศร้า

1.การรักษาโรคซึมเศร้าด้วยยา

ในการรักษาโรคซึมเศร้าด้วยยาแก้เศร้านั้น เนื่องจากโรคซึมเศร้าสาเหตุที่พบเกี่ยวข้องกับสารเคมีในสมอง จะช่วยไปปรับสมดุลสารเคมีในสมองจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เวลาที่เราทานยานจะรู้สึกดีขึ้น และเมื่อดีขึ้นแล้วเราก็ควรรับประทานยาต่อเนื่องอย่างน้อยๆ 6-12 เดือนด้วยกัน เพื่อป้องกันอาการกลับมาเป็นซ้ำอีก

ถึงแม้ว่าในการรักษาด้วยยาจะหายดี ต้องปฎิบัติตัวอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันไม่ให้เรากลับมาเป็นโรคซึมเศร้าอีกครั้งได้นั่นเอง เนื่องจากผู้ที่เคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้าน มักมีอาการกลับมาป่วยซ้ำอีกครั้ง จึงถือได้ว่าโรคซึมเศร้านั้นก็เป็นอีกหนึ่งโรคเรื้อรังที่จะต้องได้รับการรักษาที่ถูกต้องและถูกวิธี เพื่อป้องกันไม่ให้กลับมาป่วยอีกครั้งได้นั่นเอง

2.การรักษาโรคซึมเศร้าด้วยทางจิตใจ

วิธีการรักษาด้วยวิธีนี้นั้นก็จะมีอยู่ด้วยกันหลากหลายรูปแบบ ในการรักษาหรือช่วยเหลือผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้านั้น ในทางการแพทย์ ทางจิตแพทย์นั้นก็จะมีการพูดคุยกับผู้ป่วยเพื่อให้ผู้ป่วยนั้นเกิดความเข้าใจในตัวเอง สาเหตุนี้ทำให้ตนเองเป็นทุกข์ ซึมเศร้า เข้าใจปัญหาต่างๆ และทำให้นำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ดียิ่งขึ้น ได้อย่างเหมาะสมได้มากที่สุด วิธีการรักษาโรคซึมเศร้าด้วยทางจิตใจนั้นก็สามารถที่จะรักษาได้เห็นผลอยู่ 3 วิธีด้วยกัน ดังต่อไปนี้

โรคซึมเศร้า รู้ทัน เข้าใจ รักษาหายขาดได้ 02

การรักษาโรคซึมเศร้าด้วยทางจิตใจ

1. การรักษาด้วยการปรับความคิดและพฤติกรรมต่างๆ

เชื่อว่าในตอนนี้ผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้านั้น ก็จะมีแนวคิดที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะในหลายๆ ครั้ง บางคนที่มีความทุกข์มักจะมีความคิดเป็นของตัวเอง เช่น มองโลกในแง่ลบ ไม่รับฟังผู้อื่น ดังนั้นในการแก้ไขด้วยแนวคิดของผู้ป่วยให้มันสามารถปรับเข้ากับการใช้ชีวิตประจำวันได้มากยิ่งขึ้น หรือแม้กระทั้งในการปรับพฤติกรรมต่างๆ มีการเลือกใช้แนวคิดทักษะใหม่ๆ ที่เหมาะสม ก็จะทำให้ผู้ป่วยนั้นสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ดีเป็นอย่างมาก

2. การรักษาแบบปรับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล

โดยจะต้องรักษาให้ผู้ป่วยนั้นมีการปรับตัวต่อสิ่งแวดล้อมภายนอก เพื่อที่จะสามารถดำรงชีวิตได้ดีมากยิ่งขึ้น

3. การรักษาจิตบำบัดแบบเชิงลึก

บางคนนั้นที่มีปัญหาค้างคาอยู่ในใจ ที่เป็นสาเหตุหลักของการเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งทางจิตแพทย์นั้นก็จะคอยบำบัดทำให้ผู้ป่วยนั้นสามารถที่จะกลับมีความคิด การใช้ชีวิตต่างๆ ได้เป็นอย่างดีและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

รักษาโรคซึมเศร้าด้วยยา แล้วจะติดยาไหม

สำหรับการรักษาโรคซึมเศร้าด้วยยานั้นหลายๆ คนก็อาจจะมีคำถามอยู่ว่า ถ้าเราใช้ยาในการรักษามันจะมีผลข้างเคียงไหม ในความเป็นจริงแล้วในแนวทางการรักษาด้วยยาก็แทบจะไม่มีผลข้างเคียงอะไรเลย การรักษาด้วยยาเป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีความปลอดภัยมาก ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสกลับมาหายเป็นปกติได้อีกครั้ง

นอกจากนี้ ถ้าหากใครที่รับประทานยาอยู่หรือกลัวว่าจะติดยารักษาโรคนี้ไปแบบตลอดชีวิต ในความเป็นจริงแล้วการรักษาโรคซึมเศร้านั้นก็ไม่มีการติดยาแต่อย่างใด และไม่ทำให้เกิดอาการหรือผลข้างเคียงอะไรด้วย ทำให้ทุกคนที่รักษาโรคซึมเศร้าด้วยยานั้นก็สามารถที่จะสบายใจได้เลยว่าจะมีความปลอดภัยและการใช้ชีวิตนั้นก็ยังคงจะเป็นปกติอยู่

โรคซึมเศร้า รู้ทัน เข้าใจ รักษาหายขาดได้ 03

ดูแลตัวเองยังไงให้ห่างจากโรคซึมเศร้า

สำหรับใครที่ไม่อยากจะป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ก็สามารถป้องกันได้แทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วยกันก็คือการรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ โดยเน้นไปที่พวก โอเมก้า 3 วิตามิน อี ซี ดี ทองแดง และธาตุเหล็ก รวมถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งอย่างน้อยๆ ในแต่ละสัปดาห์นั้นเราก็ควรที่จะออกอย่างน้อย 4 วันด้วยกันครั้งละประมาณ 30 นาทีขึ้นไป นอกจากนี้การนอนหลับการพักผ่อนต่างๆ ก็ควรที่จะต้องนอนให้พอ ทำสมาธิให้ดี เพื่อที่ร่างกายของเราจะได้มีการผ่อนคลายที่ดี มีความสดชื่น และที่สำคัญเราก็จะต้องรู้จักในการคิดบวกด้วยเพื่อที่จะทำให้ตัวเองนั้นมีการคิดบวกอยู่ตลอดเวลาและสร้างจิตใจให้มีความเข้มแข็งและสามารถที่จะเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี