คุณรู้จริงหรือไม่ว่าอาหารที่คุณกินมีอะไรบ้าง? ฉลากสินค้าอาจไม่บอกทุกอย่าง! เรียนรู้วิธีอ่านฉลากอาหารและระวังกลยุทธ์การตลาดที่ทำให้เข้าใจผิด เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น
เคยไหมที่คุณเดินเข้าร้านสะดวกซื้อหรือซูเปอร์มาร์เก็ต หยิบขนมหรือเครื่องดื่ม แล้วดูฉลากข้างกล่องอย่างมั่นใจว่า “อืม… นี่ดูดีต่อสุขภาพ” แต่พออ่านดีๆ กลับพบว่าส่วนผสมเต็มไปด้วยคำแปลกๆ และรหัสตัวเลขที่อ่านไม่ออก
จริงๆ แล้ว ฉลากอาหารไม่ได้บอกทุกอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่คุณกิน ในขณะที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแคลอรี ไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน แต่มันไม่ได้บอกหมดทุกอย่างเกี่ยวกับสารเติมแต่ง วิธีการผลิต และผลกระทบต่อสุขภาพ นี่คือเหตุผลที่คุณควรเรียนรู้วิธีอ่านฉลากให้เป็นและระวังกลยุทธ์การตลาดที่ทำให้คุณเข้าใจผิด
สิ่งที่ฉลากอาหารไม่ได้บอกคุณ
1. สารเติมแต่งและวัตถุเจือปนที่ซ่อนอยู่
ฉลากอาจไม่บอกตรงๆ ว่าอาหารของคุณมีส่วนผสมที่ผ่านกระบวนการทางเคมีมากขนาดไหน หลายครั้งคุณจะเห็นรหัสแปลกๆ เช่น E621 (โมโนโซเดียมกลูตาเมต หรือ MSG) และ E951 (แอสพาแตม – สารให้ความหวานแทนน้ำตาล) ซึ่งฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่จริงๆ แล้วมันอาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว
MSG มักถูกใช้ในอาหารแปรรูป เช่น มาม่า ขนมขบเคี้ยว และอาหารแช่แข็ง ซึ่งสามารถกระตุ้นความอยากอาหารและอาจทำให้กินมากเกินไปโดยไม่รู้ตัว ส่วนแอสพาแตม แม้จะช่วยลดแคลอรี แต่ก็มีการถกเถียงเกี่ยวกับผลข้างเคียง เช่น อาการปวดหัวหรืออารมณ์แปรปรวน
แม้ว่าคุณจะอ่านฉลากอาหารอย่างละเอียด แต่อีกปัจจัยที่มองข้ามไม่ได้ก็คือ ความปลอดภัยของบรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์บางชนิดอาจปล่อยสารเคมีลงในอาหารได้!
2. น้ำตาลแฝง ความหวานที่ซ่อนอยู่
บางครั้งคุณอาจเห็นคำว่า “ไม่มีน้ำตาล” บนฉลาก แต่จริงๆ แล้วอาจใช้สารให้ความหวานชนิดอื่นที่มีผลคล้ายกัน เช่น กลูโคสไซรัป , ฟรุกโตส , มอลโทเด็กซ์ทริน น้ำตาลพวกนี้อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูง และส่งผลต่อระดับพลังงานของคุณแบบขึ้นๆ ลงๆ ทำให้รู้สึกเหนื่อยง่าย
ถ้าอยากรู้ว่าอาหารที่คุณกินมีน้ำตาลซ่อนอยู่หรือไม่ ให้ลองดูรายการส่วนผสม ถ้ามีน้ำตาลหรือไซรัปอยู่ใน 3 อันดับแรกของรายการ นั่นหมายความว่ามันมีปริมาณน้ำตาลสูงกว่าที่คุณคิด
3. ไขมันทรานส์ ศัตรูเงียบที่ฉลากอาจไม่บอก
คุณอาจเคยเห็นฉลากที่เขียนว่า “ไขมันทรานส์ 0 กรัม” แต่จริง ๆ แล้วอาจยังมีอยู่! ตามกฎหมาย บางประเทศอนุญาตให้ผู้ผลิตระบุว่า “0 กรัม” ได้ ถ้าปริมาณไขมันทรานส์ต่ำกว่า 0.5 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค ซึ่งหมายความว่าถ้าคุณกินเกินหนึ่งหน่วย คุณอาจได้รับไขมันทรานส์ในปริมาณที่เป็นอันตราย
ไขมันทรานส์มักพบในมาการีน คุกกี้ อาหารทอด และขนมอบที่ใช้ น้ำมันพืชเติมไฮโดรเจน ไขมันประเภทนี้เชื่อมโยงกับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและคอเลสเตอรอลสูง ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีคำว่า “Partially Hydrogenated Oil” หรือ “น้ำมันเติมไฮโดรเจนบางส่วน”
หากคุณกินอาหารสำเร็จรูปบ่อยๆ ควรระวังว่าอาจมีสารตกค้างที่ร่างกายสะสมโดยไม่รู้ตัว ศึกษาผลกระทบของอาหารกล่องได้ที่นี่

กลยุทธ์ของอุตสาหกรรมอาหารที่คุณต้องรู้ทัน
1. คำโฆษณาหลอกลวงบนฉลาก
คุณอาจเคยเห็นคำว่า “ไขมันต่ำ” บนผลิตภัณฑ์นม ขนม หรือเครื่องดื่ม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันดีต่อสุขภาพเสมอไป บางครั้งเมื่อลดไขมันในอาหารลง จะเพิ่ม น้ำตาลหรือสารปรุงแต่งรสชาติ เพื่อให้รสชาติยังคงอร่อย
อีกหนึ่งคำที่พบบ่อยคือ “ไม่มีสารกันบูด” ซึ่งอาจดูดี แต่จริงๆ แล้วเขาอาจใช้ สารกันเสียจากธรรมชาติ หรือกระบวนการแปรรูปที่ช่วยยืดอายุอาหารแทน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าปลอดภัยกว่ากัน
2. การออกแบบฉลากให้ดูดีต่อสุขภาพ
นักการตลาดรู้ว่าผู้บริโภคมักเชื่อมโยงสีและรูปภาพกับสุขภาพ ตัวอย่างเช่น ฉลากสีเขียว มักทำให้คนรู้สึกว่าอาหารนั้นดีต่อสุขภาพ แม้ว่ามันอาจมีน้ำตาลและไขมันแฝงอยู่ก็ตาม นอกจากนี้ สัญลักษณ์ที่ดูเหมือน “ได้รับการรับรอง” บางครั้งก็เป็นเพียงกลยุทธ์ทางการตลาดเท่านั้น
ไม่ใช่แค่บรรจุภัณฑ์อาหารเท่านั้นที่มีผลต่อสุขภาพ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ยาเองก็มีความสำคัญอย่างมาก อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้

วิธีการอ่านฉลากอาหาร
การอ่านฉลากอาหารไม่ใช่แค่ดูแคลอรีหรือปริมาณไขมัน แต่ต้องพิจารณาส่วนผสมทั้งหมด และนี่คือเทคนิคที่ช่วยให้คุณเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น
- ดูรายชื่อส่วนผสม ส่วนผสมที่มีมากที่สุดจะอยู่ลำดับแรก ถ้าเห็น “น้ำตาล” หรือ “น้ำมันเติมไฮโดรเจน” อยู่ใน 3 อันดับแรก ให้ลองพิจารณาใหม่
- หลีกเลี่ยงรหัสตัวเลข เช่น E102 , E621 หรือ E951 ถ้าคุณไม่รู้ว่ามันคืออะไร ควรศึกษาเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจซื้อ
- อย่าเชื่อคำโฆษณาบนแพ็กเกจ คำว่า “เพื่อสุขภาพ” หรือ “ธรรมชาติ” ไม่ได้หมายความว่ามันดีจริง ๆ อ่านฉลากอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ
อาหารที่ควรเลือกแทนอาหารแปรรูป
ถ้าคุณต้องการเลือกอาหารที่ดีขึ้น ลองเปลี่ยนจากอาหารแปรรูปเป็น อาหารที่มาจากธรรมชาติมากขึ้น เช่น
- เลือกผลไม้สดแทนขนมขบเคี้ยวที่มีน้ำตาลสูง
- เลือกถั่วและเมล็ดพืชแทนขนมทอด
- เลือกข้าวกล้องแทนข้าวขาวเพื่อเพิ่มใยอาหาร
สรุป – อย่าหลงกลฉลากอาหาร!
แม้ว่าฉลากอาหารจะมีข้อมูลที่สำคัญ แต่ก็ไม่ได้บอกทุกอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่คุณกำลังกิน ผู้ผลิตอาหารมีกลยุทธ์มากมายที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ดูดีต่อสุขภาพ ทั้งการใช้คำโฆษณาและการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ดังนั้น การมีความรู้เกี่ยวกับฉลากอาหารจะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสุขภาพของตัวเอง
ครั้งต่อไปที่คุณหยิบขนมหรือเครื่องดื่มขึ้นมา ลองอ่านฉลากให้ละเอียด แล้วถามตัวเองว่า “นี่คือสิ่งที่ฉันอยากให้ร่างกายได้รับจริงหรือ?” การรู้ทันฉลากอาหารไม่ใช่เรื่องยาก แค่ต้องเริ่มสังเกตและตั้งคำถามให้มากขึ้น แล้วสุขภาพของคุณจะขอบคุณคุณในอนาคต!
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ไม่ ฉลากอาหารมักให้ข้อมูลเฉพาะที่กฎหมายกำหนด เช่น แคลอรี ไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน แต่ไม่ได้บอกถึงสารเติมแต่ง วิธีการผลิต และส่วนผสมที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
เพราะผู้ผลิตอาจใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล เช่น แอสพาแตม ซูคราโลส หรือมอลโทเด็กซ์ทริน ซึ่งให้ความหวานแต่ไม่ถือว่าเป็น น้ำตาล ตามข้อกำหนดทางกฎหมาย
บางประเทศอนุญาตให้ระบุว่า ‘ไม่มีไขมันทรานส์’ หากมีน้อยกว่า 0.5 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค ซึ่งหมายความว่าหากบริโภคหลายหน่วย อาจได้รับไขมันทรานส์ในปริมาณที่เป็นอันตราย
ไม่เสมอไป! ผู้ผลิตใช้สีและคำโฆษณาเพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ดูดีต่อสุขภาพ ควรอ่านส่วนผสมและข้อมูลโภชนาการอย่างละเอียดแทนที่จะเชื่อแค่ดีไซน์ฉลาก
ควรดูส่วนประกอบหลัก (3 อันดับแรก) หลีกเลี่ยงสารเติมแต่งที่ไม่คุ้นเคย , ตรวจสอบปริมาณน้ำตาลและไขมันทรานส์ และอย่าหลงเชื่อคำโฆษณาเกินจริงบนฉลาก